ทำไม Huawei ถึงกลายเป็นผู้นำ ในตลาดอุปกรณ์สำหรับระบบโซลาร์เซลล์
Huawei x ลงทุนแมน
ปัจจุบันตลาดโซลาร์รูฟท็อปในประเทศไทย กำลังเติบโตขึ้นในทุกปี
โดยในปี 2564 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 24,664 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปีก่อน
และยังมีการคาดการณ์ว่าในปี 2568 จะเติบโตกลายเป็น 67,268 ล้านบาท หรือมากกว่า 172%
สิ่งที่น่าสนใจคือ ในตลาดโซลาร์รูฟท็อปที่กำลังเติบโตนี้ Huawei กำลังกลายเป็นหนึ่งในผู้นำของตลาด โดยเป็นแบรนด์อุปกรณ์ระบบโซลาร์เซลล์ที่สามารถเห็นได้บ่อยในหลาย ๆ บ้าน
แล้ว Huawei มีจุดเด่นอย่างไร ทำไมถึงได้เป็นหนึ่งในผู้นำของตลาดระบบโซลาร์เซลล์นี้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ตลาดโซลาร์รูฟท็อปในประเทศไทยที่กำลังเติบโตขึ้นในทุก ๆ ปี ด้วยหลายปัจจัยบวก ไม่ว่าจะเป็น
- ราคาค่าแผงโซลาร์เซลล์และค่าติดตั้งที่ลดลง
- ราคาค่าไฟที่เพิ่มขึ้น
- มาตรการภาครัฐที่มีการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
หนึ่งในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์โซลาร์รูฟท็อปนี้อย่างมหาศาลคือ ธุรกิจอุปกรณ์สำหรับติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ อย่างเช่น อินเวอร์เตอร์ ออฟติไมเซอร์ หรือแบตเตอรี่
เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบโซลาร์เซลล์
- อินเวอร์เตอร์ อุปกรณ์ที่เป็นหัวใจหลักของระบบโซลาร์เซลล์
เพราะใช้ในการแปลงกระแสไฟฟ้าตรง ที่ผลิตจากแผงโซลาร์เซลล์ ให้กลายเป็นกระแสไฟฟ้าสลับ เพื่อนำมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
- ออฟติไมเซอร์ อุปกรณ์ที่ช่วยให้ระบบโซลาร์เซลล์สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- แบตเตอรี่ อุปกรณ์ที่ใช้ในการกักเก็บพลังงาน
โดยถ้าใครสังเกตก็จะพบว่า บ้านหลายหลังที่ติดตั้งโซลาร์เซลล์ ก็มักจะมีอุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ติดตั้งอยู่ด้วย
และหนึ่งในยี่ห้อที่จะเห็นได้อยู่เป็นประจำ คงหนีไม่พ้น “Huawei”
แล้วทำไม Huawei ถึงกลายเป็นแบรนด์ที่มาแรง และคนส่วนใหญ่เลือกใช้ ?
ต้องบอกว่า อุปกรณ์สำหรับระบบโซลาร์เซลล์ ของ Huawei ทั้งอินเวอร์เตอร์ แบตเตอรี่ และออฟติไมเซอร์ มีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อได้เป็นอย่างดีในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น
ด้านความปลอดภัย ที่ตัวอินเวอร์เตอร์ของ Huawei นั้นมาพร้อมกับระบบป้องกันความปลอดภัย เมื่อเกิดอาร์ค ที่เป็นสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้
โดยตัวเครื่องสามารถตัดการทำงานได้ ภายในระยะเวลาเพียง 0.5 วินาทีเท่านั้น
ส่วนตัวออฟติไมเซอร์เอง Huawei ก็ได้ใส่ฟังก์ชัน Rapid shutdown ที่จะลดแรงดันไฟฟ้าให้เหลือ 0 V เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งก็ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเพลิงไหม้เช่นกัน
ในด้านของประสิทธิภาพ ก็ต้องบอกว่า ทั้งอินเวอร์เตอร์ และออฟติไมเซอร์ของ Huawei นั้น ต่างมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยให้ระบบโซลาร์เซลล์สามารถผลิตไฟได้มากขึ้น
เช่น ในตัวออฟติไมเซอร์ ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิตไฟได้มากขึ้นเมื่อแผงโซลาร์เซลล์มีเงาบัง ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยเพิ่มความคุ้มค่าให้แก่ผู้ที่ติดตั้งเป็นอย่างมาก
สุดท้ายแล้ว ในด้านประสิทธิภาพการใช้งาน Huawei เองก็ยังใส่ใจด้วยการทำแอปพลิเคชันอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน ด้วย Fusionsolar App ที่มีฟีเชอร์เด่น ๆ มากมาย เช่น
- ฟังก์ชันควบคุมการใช้พลังงาน
- ดูสถานะการทำงานของแบตเตอรี่แบบเรียลไทม์
- แสดงผลไฟฟ้าที่ผลิตได้
- รายได้ที่จะได้รับ หากมีการขายไฟให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ สำหรับคนที่ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า Huawei ก็ยังมี Smart Charger หรือเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เตรียมไว้ให้ อีกด้วย
แน่นอนว่า การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีในทุก ๆ ด้านของ Huawei ทำให้ในวันนี้ Huawei กำลังเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดโซลาร์เซลล์
ทั้งในด้านความปลอดภัย นวัตกรรม และยังรวมถึงด้านความน่าเชื่อถือ และบริการหลังการขายอีกด้วย โดยสังเกตได้จากการที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้
ซึ่งความสำเร็จของธุรกิจโซลาร์เซลล์ของ Huawei ก็สะท้อนได้ผ่านการสร้างรายได้จากธุรกิจ Digital Power ในปี 2565 ได้มากถึง 250,000 ล้านบาท
มาถึงตรงนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า Huawei ได้กลายมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักของตลาดโซลาร์รูฟท็อป เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ในอนาคต Huawei จะสามารถเติบโตได้แค่ไหน ในวันที่ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังกลายมาเป็นเมกะเทรนด์ของโลก
แต่ที่แน่ ๆ คือปัจจุบัน Huawei ก็ได้รุกตลาดนี้มากขึ้น ด้วยการคิดค้นนวัตกรรม และการออกโปรโมชันที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุก ๆ มิติ